น้ำตาขวานทอง แผ่นดินไทย


โรงเรียนบ้านหมันขาว-099

ท่ามกลางกระแสการเมืองของสองขั้วที่ห้ำหั่นกันอย่างไม่ลดละ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นมีให้เห็นแบบรายวัน สิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจของผมเสมอคือความเสียใจ ที่ไม่ว่าความสูญเสียเหล่านั้นจะเกิดขึ้นกับฝั่งใด ขั้วใดก็ตาม ผมว่าเราก็ยังสูญเสียอยู่ดี

วันนี้เป็นอีกวันที่มีข่าวกราดยิงผู้ชุมนุม โดยหนนี้เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมที่จังหวัดตราด มีผู้เสียชีวิตเป็นเด็กที่ล้างจานอยู่ร้านก๋วยเตี๋ยวในพื้นที่ชุมนุม พร้อมผู้บาดเจ็บอีกหลายคน แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรก แต่เป็นอีกครั้งที่นับไม่ถ้วนตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในปี 2549 เป็นต้นมา ความบาดหมางเริ่มครุกรุ่นขึ้นทุกขณะ ความคิดเห็นของคนต่างขั้ว ต่างสี ทำให้เกิดเหตุการณ์บานปลายหลายครั้ง ขณะที่ทีท่าของการเจรจาไม่มีแววว่าจะเกิดขึ้น

“คนไทยกำลังฆ่ากันเอง”

ผมนึกอยู่เสมอว่าเราคนไทยด้วยกันกำลังลุกขึ้นมาห้ำหั่นเพื่อเอาชีวิตกัน บางคนเห็นเป็นเรื่องสะใจเมื่ออีกฝ่ายพลาดพลั้งเสียที เกิดบาดเจ็บและล้มตาย นับเป็นความสะใจที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงสำหรับผู้ที่มองว่าตนเองยังเป็นคนไทยอยู่เช่นผมนี้ สถานะการณ์รุนแรงเริ่มบานปลายขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกครั้งที่เห็นหรือได้ยินเหตุการณ์ก็ได้แต่ภาวนาว่าจะเกิดสิ่งดีขึ้นในอนาคต โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ว่าดีนั้นจะเกิดขึ้นอีกนานเท่าไหร่ หรือจนกว่าคนไทยจะหมดประเทศก็หารู้ไม่

วันนี้สีเสื้อไม่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความแตกแยกอีกต่อไป หากแต่ความสงสัยที่อยู่ในใจ และอารมณ์เกี้ยวกราดที่อยู่ภายในต่างหากที่สะท้อนความรุ่นแรงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยปัจจุบัน การยั่วยุ ปลุกปั่น เพื่อสร้างความชิงชังและโกรธแค้น มีให้เห็นทั้งสองขั้วการเมือง แต่ท้ายที่สุดเชื่อว่าเราก็จะผ่านมันไปได้ สู่ประชาะิปไตยใหม่ที่เราขวนขวายอยากจะได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นั้นคือ ชาติ โกศ หรือปีแสงไหน หรืออาจจะเป็นเพียงแค่คำว่า”ประชาธิปไตย” ที่ตะวันตกหลอกลวงเราว่าวิเศษวิโสก็เป็นได้ 

ก็ได้แต่หวังว่าเรื่องราวของประเทศขวานทองจะจบลงอย่างสวัสดีอย่างเช่นที่ไทยเรานิยมใช้ทักทายกันเมื่อยามเจอหน้า “สวัสดี” หรือเราจะลืมคำเหล่านี้ไปแล้ว หยุดกอบกู้ชาติสักนิด แล้วหันมายิ้มให้กันสักหน่อย อย่างน้อยเลือดลมก็จะได้ไม่แตกซ่าน จนลนลานหาข่าวการเมืองดูอีกวันละหลายรอบ หรือแม้กระทั่งหยุดโพสต์ข้อความโดยไม่ยั้งคิดบนโลกโซเชียลมีเดียอย่างที่เคยทำ เพราะนั่นคือสิ่งที่น่าจะเป็นต้นตอ”โรคความขัดแย้ง”ที่กำลังแพร่กระจายในประเทศไทยอย่างรวดเร็วก็เป็นได้ นับว่าอาจจะเป็นอีกโรคหนึ่งที่จะคร่าชีวิตชาวไทยหลายสิบล้านคนได้ นับจากเกิดโรคอหิวาตกโรค(โรคลงราก) เมื่อครั้งกลียุคในอดีต

ยิ้มเข้าไว้ สยามเมืองยิ้ม

ใส่ความเห็น